Tesla Model Y รุ่นลิมิเต็ด LAUNCH SERIES เปิดกำหนดการส่งมอบแล้ว!!
Last updated: 10 Jan 2025 | 505 Views |
Tesla เฉลิมฉลองเริ่มต้นปี 2025 ด้วยรถไฟฟ้ารุ่นใหม่ล่าสุดที่หลายคนรอคอย ด้วยการออกแบบสุดพรีเมียม ที่ดีไซน์ใหม่ทั้งหมด และการขับขี่ที่เงียบ นิ่ง สมูทมากยิ่งขึ้น
เท่านั้นยังไม่พอ ระยะทางที่วิ่งได้จากการชาร์จเพียงหนึ่งครั้ง ก็ยังมากขึ้นอีกด้วย โดยกำหนดการส่งมอบจะอยู่ที่เดือนพฤษภาคม 2025 นี้ !
มีทั้งหมด 5 สี โดยไม่ต้องเพิ่มเงิน !
• สีขาวมุกมัลติโค้ด
• สีควิกซิลเวอร์
• สีสเตลท์ เกรย์
• สีแดงอัลตรา
และสีใหม่ล่าสุด กลาเซียร์ บลู
• ล้อ Crossflow 19 นิ้ว
• ล้อ Hellx 2.0 20 นิ้ว (สำหรับรุ่น Long Range) (เพิ่มเงิน 80,000 บาท)
ความเซอร์ไพร์สยังไม่หมด เบาะสีขาว หรือดำ สำหรับ Model Y LAUNCH SERIES ไม่มีบวกเพิ่ม
• รุ่น Standard ขับเคลื่อนล้อหลัง จะอยู่ที่ 1,769,000 บาท ระยะทางวิ่ง 466 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง
• รุ่น Long Range ขับเคลื่อนสี่ล้อ ราคาอยู่ที่ 2,069,000 บาท ระยะทางวิ่ง 551 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง
• ทั้งสองรุ่น สามารถใช้อัตราเร่งจาก 0-100 กม. เพียง 4.3 วินาทีเท่านั้น
• ความเร็วสูงสุด 201 กิโลเมตร / ชั่วโมง
ภายในแบบ 5 ที่นั่ง
• ที่นั่งแถวที่สองพร้อมพนักพิงแบบปรับได้
• ที่นั่งแถวที่สองแบบพับราบได้เพื่อการจัดเก็บสัมภาระได้สูงสุด
• การปรับเบาะให้พับราบแบบอิเล็กทรอนิกส์ในกระโปรงหลัง
• ระบบ Auto Pilot แบบยกระดับ (ซื้อเพิ่ม 122,000 บาท)
ที่กำลังปรับปรุงระบบจอดแบบไร้คนขับ และระบบเรียกรถอัจฉริยะแบบไร้คนขับ เพื่อประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น
• ความสามารถในการขับอัตโนมัติเต็มรูปแบบ (FSD) (ซื้อเพิ่ม 244,000 บาท) ที่จะมาพร้อมระบบควบคุมตามสัญญาณไฟจราจรและป้ายหยุด , Autosteer บนถนนในเมือง
ฟีเจอร์สั่งทำพิเศษเพื่อเริ่มต้นการผลิตโดยเฉพาะ
• สัญลักษณ์รุ่น LAUNCH SERIES บริเวณกระโปรงหลัง ไฟส่องพื้นบริเวณกระจกมองข้าง ขอบประตู
และสีใหม่ล่าสุด กลาเซียร์ บลู
• ล้อ Crossflow 19 นิ้ว
• ล้อ Hellx 2.0 20 นิ้ว (สำหรับรุ่น Long Range) (เพิ่มเงิน 80,000 บาท)
ความเซอร์ไพร์สยังไม่หมด เบาะสีขาว หรือดำ สำหรับ Model Y LAUNCH SERIES ไม่มีบวกเพิ่ม
• รุ่น Standard ขับเคลื่อนล้อหลัง จะอยู่ที่ 1,769,000 บาท ระยะทางวิ่ง 466 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง
• รุ่น Long Range ขับเคลื่อนสี่ล้อ ราคาอยู่ที่ 2,069,000 บาท ระยะทางวิ่ง 551 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง
• ทั้งสองรุ่น สามารถใช้อัตราเร่งจาก 0-100 กม. เพียง 4.3 วินาทีเท่านั้น
• ความเร็วสูงสุด 201 กิโลเมตร / ชั่วโมง
ภายในแบบ 5 ที่นั่ง
• ที่นั่งแถวที่สองพร้อมพนักพิงแบบปรับได้
• ที่นั่งแถวที่สองแบบพับราบได้เพื่อการจัดเก็บสัมภาระได้สูงสุด
• การปรับเบาะให้พับราบแบบอิเล็กทรอนิกส์ในกระโปรงหลัง
• ระบบ Auto Pilot แบบยกระดับ (ซื้อเพิ่ม 122,000 บาท)
ที่กำลังปรับปรุงระบบจอดแบบไร้คนขับ และระบบเรียกรถอัจฉริยะแบบไร้คนขับ เพื่อประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น
• ความสามารถในการขับอัตโนมัติเต็มรูปแบบ (FSD) (ซื้อเพิ่ม 244,000 บาท) ที่จะมาพร้อมระบบควบคุมตามสัญญาณไฟจราจรและป้ายหยุด , Autosteer บนถนนในเมือง
ฟีเจอร์สั่งทำพิเศษเพื่อเริ่มต้นการผลิตโดยเฉพาะ
• สัญลักษณ์รุ่น LAUNCH SERIES บริเวณกระโปรงหลัง ไฟส่องพื้นบริเวณกระจกมองข้าง ขอบประตู
• โลโก้ LAUNCH SERIES บริเวณขอบประตู
• โลโก้ LAUNCH SERIES บริเวณคอนโซลชาร์จ
• วัสดุหนังวีแกน สำหรับการตกแต่งภายในสีดำ
• โลโก้ LAUNCH SERIES บริเวณคอนโซลชาร์จ
• วัสดุหนังวีแกน สำหรับการตกแต่งภายในสีดำ
• ไฟท้ายเส้นเดี่ยว แบบพาดแผงตัวถังแบบสะท้อนแสงทางอ้อม ทำให้เป็นการส่องสว่างที่ไม่เหมือนรุ่นไหน
• ออกแบบใหม่ทั้งหมด เพื่อระยะทางวิ่ง และอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น
• ชุดล้อและยางที่ปรับปรุงใหม่ ยึดเกาะดี เงียบยิ่งขึ้น ทำให้การขับขี่ของคุณ นุ่มนวลกว่าที่เคยเจอมา
• ภายในที่หรูหรา มาพร้อมระบบไฟส่องสว่างภายในห้องโดยสารรอบคัน และหน้าจอสัมผัสขนาด 15.4 นิ้ว และที่นั่งระบายอากาศ
• ที่นั่งแถวที่สองปรับเอนด้วยระบบไฟฟ้า สามารถพับราบได้ มาพร้อมหน้าจอสัมผัสด้านหลังขนาด 8 นิ้ว พร้อมการใช้งานบลูทูธ
• การเชื่อมต่อที่ได้รับการปรับปรุง ช่วยเพิ่มระยะให้กับกุญแจโทรศัพท์ การโทรที่ชัดเจนขึ้น และการเชื่อมต่อกับระบบเซลลูลาร์และ Wi-Fi ที่ไวยิ่งขึ้น
• ระบบกันสะเทือนที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ มอบความนุ่มนวล ความสบาย และการขับขี่ที่เงียบอย่างไร้ที่ติ
• ลำโพงซ่อน เพื่อเพิ่มความสวยงาม และประสิทธิภาพเสียงสูงสุด
• กระจกอะคูสติก ป้องกันเสียงรบกวนจากท้องถนนและเก็บเสียงดนตรีของคุณไว้ภายใน
หากใครสนใจสามารถสั่งซื้อผ่านทางเว็บไซต์ Tesla ประเทศไทย หรือทดลองขับได้ที่ TESLA Center ณ รามคำแหง
Related content
Powered by
MakeWebEasy.com